จะเริ่มให้ลูกเรียนภาษาอังกฤษตอนกี่ขวบดี
สำหรับพ่อแม่ที่เริ่มมีลูกเล็ก อาจจะเกิดคำถามในใจว่าจะให้ลูกเริ่มเรียนภาษาอังกฤษตอนไหนดี จากประสบการณ์การสอนภาษาอังกฤษเด็กเล็กๆมาประมาณ 5 ปี ทำให้พบว่ากรณีเด็กเล็กๆ เราไม่จำเป็นต้องเน้นว่าเด็กต้องเก่งภาษาอังกฤษตั้งแต่เล็กๆ เราไม่จำเป็นต้องเสาะแสวงหาสถานที่เรียนภาษาอังกฤษดังๆ ให้กับเด็กหรอกนะ เพราะถึงอย่างไรพัฒนาการทางสมองของเด็กเองยังไม่ถึงขั้นที่จะรองรับหลักการทางด้านไวยากรณ์สูงๆได้
ดังนั้นหากบุตรหลานของท่านเริ่มเข้าเรียนอนุบาล 1 ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของครูที่โรงเรียนไป แต่สิ่งที่คุณสามารถทำได้คือการฝึกฝนให้เด็กคุ้นชินกับภาษาในลักษณะชีวิตประจำวัน นั่นคือการหาครูฝรั่งสำเนียงดีๆ มาพูดคุยหรือทำกิจกรรมกับเด็กให้เด็กได้ฟัง ได้โต้ตอบ แนวบทสนทนาง่ายๆอย่าง
Hello, How are you.
Come here!
What’s up?
What are you doing?
โดยเป็นบทสนทนาง่ายๆ ที่จะให้เด็กซึบซับสำเนียง การตอบสนองต่อคำสั่ง ซึ่งหากพ่อแม่สอนเอง เด็กอาจจะสับสนว่า แม่พูดภาษาอะไรกันแน่ การให้เขาเห็นบุคคลแปลกหน้า พูดภาษาที่ต่างออกไป จะทำให้เด็กสามารถแยกแยะได้ดี ระหว่างนี้ในระบบโรงเรียนอนุบาล เด็กก็จะเรียนอักขระต่างๆ ตั้งแต่ A ถึง Z โดยเริ่มต้นที่การร้องเป็นเพลงจนไปถึงการสามารถบอกได้ว่าตัวอักษรอะไร ออกเสียงอย่างไร
เมื่อมาถึงอนุบาล 3 เด็กจะเริ่มอ่านคำง่ายๆ ได้ แต่เด็กเหล่านี้จะอ่านเพราะจำรูปมา ไม่ได้อ่านเพราะสกดคำเองซึ่งเราก็ไม่ต้องไปกังวลใจมากนัก เพราะพัฒนาการของเด็กนั้นเราควรมุ่งเน้นที่ภาษาไทยกันก่อน
เน้นให้ภาษาไทยแข็งแรง
จากที่ได้เปิดสอนภาษาอังกฤษมาหลายปี พ่อแม่หลายรายจะมาติดต่อตั้งแต่เด็กเพิ่งเริ่มเข้าอนุบาล ส่วนใหญ่แล้วจะแนะนำว่าอย่าเพิ่งมา ให้กลับไปหาครูสอนพิเศษที่เน้นภาษาไทยเป็นหลัก จนเด็กอ่านออกเขียนได้ก่อน ถึงจะรับเข้ามาเรียน ระหว่างนั้นก็ขอให้เด็กรู้จักตัวอักษรโดยเด็กควรจะบอกได้ว่า
T คือ ตัว ที
M คือ ตัว เอ็ม
โดยการทดสอบเด็กแบบสุ่ม เขียนในกระดาษแล้วให้เด็กบอก เพราะเด็กหลายคนจะใช้วิธีนับจากตัว A เวลาเราชี้ไปที่ตารางตัวอักษร อย่าให้ลูกเล็กหลอกเราว่าเขารู้จักตัวอักษรนะ ต้องสุ่มตัวอักษรออกมาโดยการเขียนสดๆ หรือชี้ในหนังสือเลยว่าตัวนี้ตัวอะไร บางคนอยู่ ป3 ป4 จากระบบโรงเรียนมาแล้ว ยังบอกไม่ได้ว่าตัวอักษรนั้นๆ คือตัวอะไร หลังจากภาษาไทยของเขาแข็งแรงแล้ว นั่นแหละถึงจะเริ่มหาที่เรียนภาษาอังกฤษจริงๆ จังๆ ให้กับเขาได้ แต่สิ่งสำคัญที่จะถามโรงเรียนที่สอนคือ ถามเขาว่าสอน โฟนิคส์ หรือไม่
ในระบบโรงเรียนโดยทั่วไป ป.1 – ป.6 จะไม่มีการสอนโฟนิคส์ให้เด็ก ทำให้เด็กไทยส่วนใหญ่อ่านภาษาอังกฤษไม่ออกเด็กอาศัยการจำภาพเอา ไม่สามารถผันเสียงได้ เราอาจจะมองว่าลูกอ่านหนังสือได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วต้องมีคนอ่านให้ฟังก่อน เขาถึงจะอ่านได้ เขาไม่สามารถอ่านออกเสียงเองได้หากไม่ได้เรียน โฟนิคส์มาก่อน
ดังนั้นการเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ ควรจะให้เรียนภาษาไทยให้แข็งแรงก่อน แล้วเริ่มเรียนภาษาอังกฤษแบบโฟนิคส์ จะทำให้ลูกของคุณอ่านภาษาอังกฤษได้เร็วขึ้น เพราะการสอนโฟนิคส์ที่ดี จะมีการเทียบเสียงกลับมาเป็นภาษาไทย ทำให้เด็กสามารถสกดคำออกเสียงได้
เช่น bet ก็จะเป็น บอ เอ ทอ เบ็ท เป็นต้น
สรุปแล้ว
ช่วงอนุบาล ให้เด็กแยกแยะอักระให้ถูกต้อง
ป 1. เริ่มเรียนโฟนิค ท่องอักษรอังกฤษ คู่ภาษาไทย เช่น B เบอะ C เคอะ เพื่อช่วยในการออกเสียง พร้อมกับเรียนตารางสระให้ครบถ้วน
ป 2. เริ่มการผสมเสียง คำง่ายๆ และคำที่มีตัวสะกด พร้อมกับการเรียนรู้ศัพท์พื้นฐาน
ป 3. เด็กควรสามารถสกดคำเสียงสระผสมอย่าง Coin ได้ และจำข้อยกเว้นต่างๆ อย่างสระเออ er ir or ur ได้
ป 4. เด็กควรเริ่มอ่านได้อย่างฉะฉานแล้ว นั่นคือลองโยนตำรายากๆ ให้เด็กดู เด็กควรอ่านได้แล้ว แม้จะช้าๆ ก็ตาม เพราะในตำรายากๆ จะมีแต่คำศัพท์ที่เด็กไม่เคยเจอ เด็กวัยนี้จากประสบการณ์การสอนที่ผ่าน เด็กเก่งๆ จะแยกแยะ tense ได้แล้วว่าเป็น Past Present Future หรือ Perfect รวมถึง Continuous Tense ต่างๆ
หากถึง ป.4 แล้วบุตรหลานของท่านยังอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก (คำที่ไม่เคยเจอไม่สามารถออกเสียงได้ถูกต้อง) แล้วละก็ ถือว่าเป็นเด็กที่ควรให้ความใส่ใจเป็นพิเศษแล้วละเพราะเด็กที่เก่งภาษานั้น วัยนี้เขาจะสามารถอ่านออกได้เองแล้ว
~admin
Tags: เรียนภาษาอังกฤษ